[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
 
 
 
เมนูหลัก
กลุ่มสาระการเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้

Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 

ลิงค์ที่น่าสนใจ

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
ชัยชนะเหนือ เอสปันญ่อล เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งให้ เรอัล มาดริด ผงาดคว้าแชมป์ ลาลีกา เป็นสมัยที่ 2  VIEW : 39    
โดย R

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 85
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 7
Exp : 43%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 194.5.82.xxx

 
เมื่อ : ศุกร์ ที่ 6 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2565 เวลา 13:34:56   

 

ชัยชนะเหนือ เอสปันญ่อล เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งให้ เรอัล มาดริด ผงาดคว้าแชมป์ ลาลีกา เป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 3 ฤดูกาลหลังสุดไปได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยพวกเขานำจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆ แบบม้วนเดียวจบเหนือ แอตเลติโก มาดริด แชมป์เก่า และ บาร์เซโลน่า ในยุคที่ไร้ ลิโอเนล เมสซี่
    ความจริงทั้ง "ตราหมี" และ "เจ้าบุญทุ่ม" ไม่ได้ขยับใกล้เคียงที่จะท้าบัลลังก์ในปีนี้มากเท่าไหร่นัก มีเพียง เซบีย่า ที่เป็นทีมใกล้จะคุกคามตำแหน่งจ่าฝูงที่สุด แต่สุดท้ายด้วยความคงเส้นคงวาก็พา "ราชันชุดขาว" เถลิงแชมป์สมัยที่ 35 ได้ในที่สุด

    ในเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของ เรอัล มาดริด ปีนี้ อันเช่ สมควรได้รับเครดิต เช่นเดียวกับ คาริม เบนเซม่า และ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ซึ่งในสกู๊ปฉบับนี้ เราจะพาไปดูความสุดยอดของทีมทีมนี้กัน

    - ราชัน มาสเตอร์คลาส
     เรอัล มาดริด ไม่เพียงแต่เป็นสโมสรที่คว้าแชมป์ยุโรปได้มากที่สุด แต่พวกเขายังครองแชมป์ ลาลีกา มากถึง 35 สมัย โดยแซงหน้า ยูเวนตุส ที่คว้าแชมป์ลีกในประเทศตัวเองมากที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปเช่นกัน

    2 แชมป์จาก 3 ซีซั่นหลัง ครั้งแรกเกิดขึ้นในยุคของ ซีเนดีน ซีดาน และต่อมา อันเช็อตติ ก็ทำได้ ซึ่งจำนวนโทรฟี่ 2 ใบนี้เทียบเท่ากับก่อนหน้านี้ที่พวกเขาต้องใช้เวลาถึง 11 ฤดูกาล

    ลูกทีมของ อันเช่ รักษาความต่อเนื่องทำคะแนนทิ้งขาดขณะที่ยังเหลือเกมให้เล่นถึง 4 นัด โดยนับเป็นแชมป์ที่เร็วที่สุดที่พวกเขาทำได้นับตั้งแต่ซีซั่น 2007/08 ที่ตอนนั้นทัพราชันชุดขาวทำได้ตอนที่ยังเหลือเกมให้เล่น 3 เกม

    - คาร์โล ทำสำเร็จ
    นี่คือคำรบที่สองที่ อันเชล็อตติ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม เรอัล มาดริด แม้ก่อนหน้านี้เขาจะพาสโมสรคว้าได้ถึง 5 แชมป์ แต่ในจำนวนนั้นกลับไร้แชมป์ ลาลีกา

    อย่างไรก็ตาม กุนซือวัย 62 ปีสามารถทำได้สำเร็จ และก้าวขึ้นเป็นโค้ชที่คว้าแชมป์ลีกได้ครบทั้ง 5 ลีกใหญ่ยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เซเรีย อา อิตาลี, พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลีก เอิง ฝรั่งเศส และล่าสุด ลาลีกา สเปน

    นอกจากนี้ เขายังเป็นโค้ชที่อายุมากที่สุดที่พาทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา ได้ โดยมากกว่า ฟาบิโอ คาเปลโล่ ที่พา "ราชันชุดขาว" เป็นแชมป์เมื่อซีซั่น 2006/07 อยู่ 2 ปี

    อนึ่ง ทั้ง อันเช่ และ คาเปลโล่ เป็นเพียง 2 กุนซือชาวอิตาเลี่ยนที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ลาลีกา

    - เบนเซม่า ร่างทอง
    คาริม เบนเซม่า คือผู้นำของ มาดริด ชุดนี้ โดยที่เขามีส่วนร่วมกับการคว้าโทรฟี่ ลาลีกา เป็นหนที่ 4 เข้าให้แล้ว (2012, 2017, 2020 และ 2022)

    ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส ทำสกอร์มากถึง 26 ลูกจากการลงเล่น 30 นัดในเกมลีก ซึ่งแน่นอนว่านี่คือปีที่เขาโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในช่วงตลอด 13 ปีที่ลงเล่นให้ "ลอส บรังโก้"

    เบนเซม่า ไม่เพียงแค่เป็นผู้นำดาวซัลโวของลีกเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำแอสซิสต์ 11 หนเทียบเท่ากับ อุสมาน เดมเบเล่ ปีกเพื่อนร่วมชาติของ บาร์เซโลน่า

    เพื่อทำให้เห็นภาพมากขึ้น เบนเซม่า มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงถึง 37 ลูก (26 ประตู 11 แอสซิสต์) คิดเป็น 51 เปอร์เซ็นต์ของประตูที่ เรอัล มาดริด ทำได้ในลีกปีนี้ (73 ประตู)

    - กูร์กตัวส์ เฉิดฉาย
    ขณะที่ คาริม เบนเซม่า เป็นตัวผลิตสกอร์ให้ มาดริด ฟากฝั่ง ติโบต์ กูร์กตัวส์ ก็เป็นเสมือนตัวป้องกันชั้นยอดที่คอยปกป้องไม่ให้ทีมโดนยิงประตู

    อดีตนายด่าน เชลซี เสียประตูในลีกปีนี้ 29 ลูกจากการลงเฝ้าเสา 34 เกม โดยสามารถเก็บคลีนชีต 14 นัดด้วยกัน

    จริงอยู่ว่า อเล็กซ์ เรมิโร่ ผู้รักษาประตู เรอัล โซเซียดาด เก็บคลีนชีตได้ถึง 18 นัด แต่ตัวเลขชี้วัดที่จะเห็นต่อไปนี้บ่งบอกว่า กูร์กตัวส์ ส่งผลต่อเกมป้องกันดีมากแค่ไหน

    29 ประตูที่ กูร์กตัวส์ เสียไปนั้นมาจากตัวเลขที่คาดการณ์ว่าจะเสียประตู 33.4 ลูก นั่นหมายความว่า กูร์กตัวส์ สามารถป้องกันไม่ให้ทีมเสียประตูได้ถึง 4.4 ประตูด้วยกัน ซึ่งใน ลาลีกา ไม่มีใครที่สามารถป้องกันประตูได้ด้วยตัวเลขเท่าเขาอีกแล้ว และหากเทียบกับอีก 4 ลีกใหญ่ยุโรปนั้น มีแค่ผู้รักษาประตู 5 รายเท่านั้นที่มีตัวเลขดีกว่าเขา

    เบนเซม่า และ วินิซิอุส จูเนียร์ อาจได้รับคำชมจากเกมรุกอันดุดัน แต่อิทธิพลของ กูร์กตัวร์ ในเรื่องการป้องกันก็สำคัญไม่แพ้กันเลย

 

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ คาสิโนออนไลน์