[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
 
 
 
เมนูหลัก
กลุ่มสาระการเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้

Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 

ลิงค์ที่น่าสนใจ

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
สุดท้ายแล้วการเดินทางระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็จบลงแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง  VIEW : 117    
โดย Q

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 121
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 8
Exp : 88%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 193.37.32.xxx

 
เมื่อ : จันทร์ ที่ 29 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2564 เวลา 19:55:29   

 

สุดท้ายแล้วการเดินทางระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตำนานหัวหอกชาวนอร์เวย์ ในภารกิจการชุบชีวิต "ปีศาจแดง" ก็จบลงแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งเมื่อล่าสุด โซลชา โดนปลดออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเขาพาทีมแพ้ในลีกถึง 5 เกมจาก 7 นัดหลังสุด
    แน่นอน สำหรับ "เร้ด อาร์มี่" หลายคนแล้วนั้น การปลด โซลชา ในครั้งนี้มันทำให้พวกเขาต้องเจ็บปวดมากกว่า 3 คนก่อนหน้า โซลชา เพราะเดิมทีพวกเขาเคยเชื่อว่า โซลชา นี่แหละคือผู้ที่จะกอบกู้ทีมได้ จากการที่เขาเคยอยู่กับทีมในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาเป็นเวลานานจนน่าจะรู้แนวทางในการพาทีมกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้

    ทั้งนี้ ในวันนี้เราจะมาลองดูเรื่องราวเกี่ยวกับการทำทีมของ โซลชา นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุม แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปี 2018 สักหน่อย เพื่อที่แต่ละท่านอาจจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าผลงานในยุคของเขามันถูกตีค่าให้ดูเลวร้ายเกินความเป็นจริง หรือว่ามันย่ำแย่จนการไล่เขาถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมแล้วกันแน่

    - ผลงานโดยรวม
    แน่นอน ตลอดช่วงที่ผ่านมานั้นมักจะมีการนำเสนอว่า โซลชา ถือเป็นกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีเปอร์เซ็นต์พาทีมชนะสูงพอตัว เพราะเขามีเปอร์เซ็นต์พาทีมชนะในการลงเล่นทุกรายการ 54.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากนับเฉพาะบรรดา 4 กุนซือถาวรของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่หมดยุคของ เฟอร์กูสัน แล้วนั้น เขาก็เป็นรอง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เก็บชัยชนะได้ 58.3 เปอร์เซ็นต์แค่คนเดียว แถมทีมของ โซลชา ยังทำประตูได้เฉลี่ยนัดละ 1.83 ลูก มากกว่า 3 คนที่อยู่ในตำแหน่งมาก่อนหน้าเขาด้วย

    อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ โซลชา มีเกมรับที่เปื่อยยุ่ย พวกเขาเสียประตูไปเฉลี่ยแล้วนัดละ 1.09 ประตูเลยทีเดียว ซึ่งหากเทียบกับทีมในยุคของ เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล และ มูรินโญ่ แล้วนั้น ทีมของ โซลชา มีค่าเฉลี่ยการเสียประตูต่อ 1 เกมที่ย่ำแย่มากที่สุด

    - การดวลกับบิ๊ก 6
    ตลอดช่วงเวลาเกือบ 3 ปีเต็มกับการคุม แมนฯ ยูไนเต็ด โซลชา มีโอกาสได้นำทีมดวลกับคู่แข่งในกลุ่มบิ๊ก 6 (ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส) ไปรวมแล้ว 36 ครั้ง และเขามีเปอร์เซ็นต์ชนะทีมในกลุ่มนั้น 39 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากเทียบกับ 3 คนที่เคยนั่งเก้าอี้กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบถาวรก่อนหน้าเขาแล้วล่ะก็ ตรงจุดนี้เขาดูดีกว่า มูรินโญ่ ที่ทำได้ 34 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังเป็นรอง ฟาน กัล อยู่ จากการที่ ฟาน กัล เคยทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะเวลาเจอกับทีมในกลุ่มบิ๊ก 6 ได้ถึง 43 เปอร์เซ็นต์

    ถึงกระนั้น หากนับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก และมีการเทียบตารางคะแนนแบบมินิลีกระหว่าง 6 ทีมด้วยกันแล้วล่ะก็ ทีมของ โซลชา เก็บคะแนนได้เพียงแค่ 34 คะแนน เท่านั้น เป็นรอง ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี ที่ทำได้ 57 คะแนน, 52 คะแนน และ 36 คะแนน ตามลำดับ ซึ่งหากภารกิจของ โซลชา คือการทำให้ทีมดวลกับเหล่าทีมใหญ่ร่วมลีกได้อย่างสูสีแล้วล่ะก็ ตรงจุดนี้เขาก็ล้มเหลวอย่างร้ายแรงหากเทียบกับผลงานที่ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ทำได้

    - เม็ดเงินกับการเสริมทัพ
    จริงอยู่ว่าการจะสร้างทีมที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้นั้นมันจำเป็นต้องมีการควักเงินเสริมทัพกันบ้าง ซึ่งหากได้แชมป์กลับมาแล้วล่ะก็มันก็จะถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่ปัญหาก็คือ โซลชา ไม่เคยคว้าถ้วยแชมป์มาตกแต่งตู้โชว์ของสโมสรได้เลย ทั้งที่ทีมในยุคของเขาจ่ายเงินไปเยอะมากจนมียอดหักลบของการซื้อ-ขายนักเตะอยู่ที่ -312.1 ล้านปอนด์

    ทั้งนี้ หากนับเฉพาะตั้งแต่ที่ โซลชา เข้ามากุมบังเ***ยนทีมแล้วล่ะก็ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ถือเป็นทีมที่มีผลต่างด้านการซื้อ-ขายนักเตะที่แย่ที่สุด ทิ้งห่าง อาร์เซน่อล ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ -279.7 ล้านปอนด์ แบบไกลสุดกู่

    ผลต่างรายรับ-รายจ่ายของแต่ละทีมใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่ โซลชา เข้ามาคุม แมนฯ ยูไนเต็ด (นับเฉพาะรายรับ-รายจ่ายที่เกิดขึ้นในฤดูกาลที่ทีมนั้นๆ เล่นใน พรีเมียร์ลีก)
    1. แมนฯ ยูไนเต็ด -312.1 ล้านปอนด์
    2. อาร์เซน่อล -279.7 ล้านปอนด์
    3. วิลล่า -244.7 ล้านปอนด์
    4. สเปอร์ส -207 ล้านปอนด์
    5. แมนฯ ซิตี้ -199.6 ล้านปอนด์
    6. ลีดส์ -149 ล้านปอนด์
    7. เวสต์แฮม -127.9 ล้านปอนด์
    8. เอฟเวอร์ตัน -123.4 ล้านปอนด์
    9. เชฟฯ ยูไนเต็ด -119 ล้านปอนด์
    10. นิวคาสเซิ่ล -114.3 ล้านปอนด์
    11. วูล์ฟส์ -94.3 ล้านปอนด์
    12. เชลซี -82.1 ล้านปอนด์
    13. ไบรท์ตันฯ -57.5 ล้านปอนด์
    14. เลสเตอร์ -54.9 ล้านปอนด์
    15. พาเลซ -46.4 ล้านปอนด์
    16. เวสต์บรอมฯ -41.3 ล้านปอนด์
    17. บอร์นมัธ -40.2 ล้านปอนด์
    18. เบรนท์ฟอร์ด -31.1 ล้านปอนด์
    19. เบิร์นลี่ย์ -30 ล้านปอนด์
    20. วัตฟอร์ด -23.3 ล้านปอนด์
    21. ฟูแล่ม -23 ล้านปอนด์
    22. เซาธ์แฮมป์ตัน -12.9 ล้านปอนด์
    23. คาร์ดิฟฟ์ -3 ล้านปอนด์
    24. ฮัดเดอร์สฟิลด์ -2 ล้านปอนด์
    25. นอริช +1.6 ล้านปอนด์
    26. ลิเวอร์พูล +3.6 ล้านปอนด์

    หรือถ้าจะเปรียบเทียบเฉพาะกับ 3 คนที่อยู่ในตำแหน่งมาก่อนหน้าเขาแล้วนั้น โซลชา ก็เป็นคนที่ใช้เงินไปกับการเสริมทัพมากที่สุด ด้วยจำนวนรวม 441 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับการได้นักเตะ 13 คน ขณะที่ มูรินโญ่ ใช้งบไป 430.8 ล้านปอนด์ในการเซ็นสัญญากับ 12 แข้ง นอกจากนี้ 10 การเสริมทัพที่แพงระยับที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่หมดยุคของ เฟอร์กูสัน นั้น ยังเป็นการช็อปในสมัยของ โซลชา ไปถึง 5 รายด้วย

    จำนวนเงินในการเสริมทัพของกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ละคน นับตั้งแต่หมดยุคของ เฟอร์กูสัน
    1. โซลชา 13 คน 441ล้านปอนด์
    2. มูรินโญ่ 12 คน 430.8 ล้านปอนด์
    3. ฟาน กัล 14 คน 309.2 ล้านปอนด์
    4. มอยส์ 2 คน 69 ล้านปอนด์

 

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Betkub