[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
 
 
 
เมนูหลัก
กลุ่มสาระการเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้

Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 

ลิงค์ที่น่าสนใจ

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
เจาะ 5 ข้อ ลิเวอร์พูล ทุบ เบิร์นลี่ย์ เกมพรีเมียร์ลีก  VIEW : 37    
โดย X

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 91
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 7
Exp : 70%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 194.5.82.xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 9 เดือน มกราคม พ.ศ.2567 เวลา 10:19:41   

 

หงส์แดง ทำผลงานได้อย่างดุเดือดในแมตช์บุกชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ 26 เดือนธันวาคมก่อนหน้านี้ โดย "ลิเวอร์พูล" เกือบจะครอบครองเกมได้ตลอด แล้วก็สร้างจังหวะได้มากมาย แต่ว่าจังหวะการจบสกอร์ยังขาดความเฉียบคม ในช่วงเวลาที่แนวรับของกลุ่มมีการเล่นบกพร่องกันไปบ้าง และก็ทำให้กลุ่มแทบเสียประตู แม้กระนั้นท้ายที่สุดก็สามารถเอาชีวิตรอดได้ ที่สำคัญแมตช์นี้ ดาร์วิน นูนเญซ กลับมาทำแต้มได้เสร็จข้างหลังเท้าบอดไปถึง 12 เกม ระหว่างที่ ดีโอโก้เก๋ โชต้า หายเจ็บปุบปับกลับมาทำประตูปั๊บนับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับ พบร์เก้น คล็อปป์ ที่ได้แนวรุกกลับมาครบบริบรูณ์อีกรอบ
1. ฟื้นคืนชีพ โชต้า

การได้ ดีโอหรูหรา โชต้า คืนกลุ่มเกิดเรื่องที่บรรเจิดสำหรับ คล็อปป์ อย่างยิ่ง ด้วยเหตุว่าโน่นทำให้เขาสามารถจัดแนวรุกได้นานัปการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญในยามฉุกเฉิน ตัวรุกชาวโปรเหม็นตุกีสมักจะลงมาแก้ไขได้เสมอ

โชต้า พลาดลงไปในสนามให้กับกองทัพ "ลิเวอร์พูล" ตั้งแต่แมื่อที่ได้รับบาดเจ็บต้นขาในแมตช์เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงวันที่ 25 เดือนพฤศจิกายนก่อนหน้านี้ แน่ๆว่าการไม่มีเขาอยู่ในขุมกำลังทำให้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ชอบจำต้องพบกับอุปสรรคต่อการจัดวางผู้เล่นแนวรุก

สำหรับกับ เบิร์นลี่ย์ การเห็น โชต้า นั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองนับว่าเป็นเรื่องดีเยี่ยมๆเนื่องจากแม้ถึงเวลาที่กลุ่มอยากประตูและก็แนวรุกฟอร์มฝืดการส่ง ตัวรุกดินแดนฝอยทองคำ ลงสู่สนามชอบสร้างสิ่งอัศจรรย์ได้เสมอ

แผงหน้ากลุ่มชาติประเทศโปรตุเกส ลงสู่สนามในนาทีที่ 84 แล้วก็ใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาทีก็สามารถจ่ายบอลเข้าไปซุกตูดตาข่ายได้อย่างดียิ่ง ที่สำคัญการจบสกอร์ของ โชต้า ชี้ให้เห็นว่าเขายังคงมีความเฉียบคมแม้ว่าจะร้างสนามไปเกือบจะเดือนก็ตาม

ส่วน วัวดี้ กัคโป กับ หฝ่าส์ ดิอาซ จัดว่าผลงานอยู่ในระดับมาตรฐาน สำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แม้ว่าจะมีจังหวะหวือหวาและก็ก่อปัญหาในเกมรับเจ้าของบ้าน แม้กระนั้นผลงานโดยรวมจัดว่าต่ำยิ่งกว่ามาตรฐาน

2. นูนเญซ ปรับปรุงจบสกอร์

ภายหลังที่โดนวิภาควิจารณ์หัวข้อการจบสกอร์มาตลอด แต่ว่า ดาร์วิน นูนเญซ เพียรพยายามที่จะปรับปรุงตนเองโดยตลอด และก็ในเกมนี้เขาได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าการจบสกอร์ที่คมมากราวกับตอนเล่นให้กลุ่มชาติอุรุกวัยคืออะไร !!

นูนเญซ เท้าบอดมานาน 12 เกมต่อเนื่องกันแล้ว แล้วก็แน่ๆว่าเขากลายเป็นเป้าจู่โจมจากบรรดาเรารูลูกหนัง แต่ว่าสิ่งที่ จอมบุกชาวอุรุกวัย ชี้ให้เห็นก็คือการมีส่วนร่วมกับเกม และก็วิ่งตามบอลช่วยกลุ่ม รวมถึงมีจังหวะแอสซิสต์ให้มองเห็นอยู่เสมอๆ

ในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ เจ้าตัวได้แสดงสมรรถนะที่สุดยอดสำหรับเพื่อการจบสกอร์ด้วยจังหวะการยิงนอกกรอบที่สุดเฉียบคม ที่สำคัญยังเป็นการยิงนอกกรอบในระดับสมาคมเป็นครั้งแรกนับจากวันที่ 15 ธันวาคม 2021 ยุคที่ยังเล่นให้กับ เบนฟิก้า

แมตช์นี้ นูนเญซ บอกให้เห็นจุดแข็งหลายเรื่องทั้งยังการยืนหาตำแหน่งเจริญ, การวิ่งตามบอลทุกจังหวะ, อุตสาหะที่จะเชื่อมเกมในแนวรุก ซึ่งทั้งสิ้นนี้เป็นการชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่มีอยู่ในตัวเขามากขึ้น

3. ศึกษาและทำการค้นพบตัวบุกปีกซ้ายคนใหม่

ปัญหาผู้เล่นเจ็บเป็นสิ่งที่คู่กับ "ลิเวอร์พูล" ในตอนหลายๆฤดูก่อนหน้าที่ผ่านมา แม้กระนั้นสำหรับฤดูกาลนี้พวกเขาจะต้องพบกับปัญหาใหญ่ซึ่งก็คือการขาดตัวบุกปีกซ้ายคนสำคัญไปทั้งยัง 2 คน

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จำต้องเข้ารับการผ่าตัดไหล่หยุดไม่มีกำหนดกว่า 3 เดือน ตอนที่ คอสตาส ซิมิกาส ก็เพิ่งดวงแตกเจ็บไหล่จากจังหวะชนกับ พบร์เก้น คล็อปป์ ในเกมเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 เมื่อช่วงปลายอาทิตย์ก่อนหน้านี้

เพราะฉะนั้น คล็อปป์ จำต้องใช้งาน โจ โกเมซ ให้ปฏิบัติภารกิจดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น รวมทั้งแปลงเป็นว่านักเตะสามารถแสดงบทบาทนี้ได้อย่างดียิ่ง ลักษณะเด่นของเขาก็คือการเล่นเกมรับที่แน่นแฟ้น แม้กระนั้นบางทีก็อาจจะจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขประเด็นการเพิ่มเกมบุก, การเปิดบอลขอบเส้น รวมทั้งการจบสกอร์

อย่างไรก็ดี โกเมซ นับว่าเป็นยางอะไหล่ชั้นหนึ่งที่ คล็อปป์ กล้าตกลงใจส่งเขาลงปฏิบัติงานในตำแหน่งตัวบุกปีกซ้าย ด้วยเหตุว่า 2 แมตช์ก่อนหน้าที่ผ่านมาจะมองเห็นได้ว่านักเตะมีวิวัฒนาการขึ้น และก็เล่นได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

หาก จอมบุกเลือดผู้ดี วัย 26 ปี สามารถปรับปรุงในหัวข้อการเล่นเกมรุกแล้วก็การครอสบอลขอบเส้นให้ดียิ่งขึ้น มั่นใจว่าเขาจะเป็นตัวเลือกชั้นเยี่ยมสำหรับ คล็อปป์ ในตำแหน่งตัวบุกปีกซ้ายแน่ๆ

4. เบิร์นลี่ย์ไม่คมไม่อย่างนั้น....

หงส์แดง บางทีก็อาจจะทำเกมรุกเจริญแม้กระนั้นการจบสกอร์ยังขาดความแน่ชัด แต่ว่าสำหรับเกมรับหากแม้ดูเหมือนจะเล่นได้อย่างแน่นแฟ้น แต่ว่าในบางจังหวะพวกเขาก็ทำผิดพลาดและก็เกือบจะเสียประตูอย่างยิ่งจริงๆ

"เดอะ เร้ดส์" ชอบเล่นค่อนข้างจะลนลานในหลายจังหวะแล้วก็ทำให้ เบิร์นลี่ย์ ได้โอกาสได้จบสกอร์ โดยยิ่งไปกว่านั้นในช่วงหลังกลุ่มเยี่ยมทำผิดพลาดบ่อยครั้ง โชคดีที่เจ้าของบ้านขาดความเฉียบคม ไม่งั้นสกอร์บางทีอาจไม่ใช่อย่างนี้

จังหวะที่ หงส์แดง คงจะเสียประตูเยอะที่สุดคงจะหนีไม่พ้นในระหว่างที่ วาตารุ เอ็นโด จ่ายบอลพลาดรอบๆแทบกึ่งกลางสนาม รวมทั้ง เบิร์นลี่ย์ ได้หลุดไปจบสกอร์ แม้กระนั้นโชคร้ายที่ ยาค็อบ บรูน ลาร์สังเวย ยิงเฉียดฉิวเสาออกไปเล็กน้อยเพียงแค่นั้น

ลองนึกดูถ้าเกิดจังหวะที่ หงส์แดง เล่นบกพร่องเกิดขึ้นสำหรับเพื่อการเจอกับ อาร์เซน่อล , แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความน่าจะเป็นไปได้ที่พวกเขาจำเป็นต้องน้ำตาตกจากการเล่นที่ไม่รัดกุมอย่างงี้

5. จบปี 2023 ด้วยผลงานฮึกเหิม

ในช่วงเวลานี้ หงส์แดง เป็นคู่ปรปักษ์แย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกของ อาร์เซน่อล แบบสุดกำลัง ภายหลังที่เก็บ 3 คะแนนในเกมนี้ทำให้กลุ่มขึ้นไปรั้งหัวหน้าฝูงเป็นระเบียบแล้ว โดยมี 42 คะแนนทิ้งห่าง อาร์เซน่อล 2 แต้ม แม้กระนั้นแข่งขันมากยิ่งกว่า 1 นัดหมาย

ปัจจุบันนี้เกมลีกผ่านไปกลางทางแล้ว แม้กระนั้นการลุ้นแชมป์ยังคงบันเทิงใจตื่นเต้น ถึงแม้ หงส์แดง บางทีก็อาจจะยังขาดการเล่นที่สม่ำเสมอไปบ้าง แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาของพวกเขาก็คือการเล่นด้วยจิญวิญญาณที่ฮึกเหิม และไม่เคยยอมยกธงขาว

สำหรับปี 2023 หงส์แดง ทำผลงานโดยรวมน่าประทับใจโดยยิ่งไปกว่านั้นกับการเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ พวกเขายังไม่เพียงแค่ผู้ใดและก็เสมอ 2 แมตช์ในช่วงฤดูกาลนี้ โดยเหตุนี้นี่เป็นลักษณะเด่นที่ทุกครั้งมจำต้องรู้สึกกลัวเกรงเมื่อจำต้องมาเยี่ยมบ้านของ "ลิเวอร์พูล"

สิ่งที่น่ากังวลสำหรับ หงส์แดง ก็คือในตอนต้นปี 2024 พวกเขามีโปรแกรมหนักพอควร รวมทั้งยังจะต้องขาดผู้เล่นตัวหลักอย่าง โม ซาลาห์ กับ เอ็นโด ที่จะต้องไปรับใช้กลุ่มชาติ โน่นเป็นเรื่องที่ คล็อปป์ แอนด์ วัว. ต้องหาทางออกให้ได้ เพื่อจังหวะสำหรับในการลุ้นแชมป์ยาวๆ

 

 

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Ufa