[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
 
 
 
เมนูหลัก
กลุ่มสาระการเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้

Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 

ลิงค์ที่น่าสนใจ

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
ศึกลูกหนัง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2021/22 ผ่านพ้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว  VIEW : 80    
โดย X

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 91
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 7
Exp : 70%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 194.5.82.xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 22 เดือน มีนาคม พ.ศ.2565 เวลา 12:08:09   

 

ศึกลูกหนัง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2021/22 ผ่านพ้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หลังจากที่จบเกม 2 นัดสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ซึ่ง 8 สโมสรที่หลุดเข้ามาในรอบก่อนรองชนะเลิศนั้น มีตัวแทนจาก อังกฤษ และ สเปน มากสุดที่จำนวน 3 สโมสรเท่ากัน ขณะที่ อิตาลี ไม่มีตัวแทนหลงเหลือแม้แต่รายเดียว และนี่คือโฉมหน้า 8 สโมสรที่พร้อมจะฟาดฟันกันต่อในรอบก่อนรองฯ โดยมีเป้าหมายหนึ่งเดียวที่จะผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกให้ได้
- บาเยิร์น มิวนิค 

    "เสือใต้" ยังคงน่ากลัวเสมอในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงแม้ซีซั่นนี้มีการเปลี่ยนตัวกุนซือมาเป็น ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ก็ตาม และแน่นอนว่า พวกเขาถูกมองเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดตลอดเส้นทางตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ยันล่าสุดในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ไล่ยำ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ด้วยสกอร์รวมสองนัดถึง 8-2

* ผลงาน ชปล. ซีซั่นนี้ *

    สถิติ : ชนะ 7, เสมอ 1, แพ้ 0, ยิงได้ 30, เสีย 5

    รอบแบ่งกลุ่ม : แชมป์กลุ่ม อี

     รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 8-2 (1-1, 7-1)

    ดาวซัลโวสูงสุด : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (12 ประตู)

- ลิเวอร์พูล

    ทีมแชมป์ 6 สมัย ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดโค้ชชาวเยอรมัน มาดีอีกแล้วในฤดูกาลนี้ โดยเป็นหนึ่งในสามทีม (ร่วมกับ บาเยิร์น และ อาแจ็กซ์) ที่มีสถิติชนะ 100% ในรอบแบ่งกลุ่ม และถือเป็นอีกทีมที่หลายๆ คนมองว่า มีโอกาสไปไกลถึงตำแหน่งแชมป์ ถึงแม้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ผ่าน อินเตอร์ มิลาน แบบชวนเสียวไส้ก็ตาม

* ผลงาน ชปล. ซีซั่นนี้ *

    สถิติ : ชนะ 7, เสมอ 0, แพ้ 1, ยิงได้ 19, เสีย 7

    รอบแบ่งกลุ่ม : แชมป์กลุ่ม บี

    รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-1 (2-0, 0-1)

    ดาวซัลโวสูงสุด : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (8 ประตู)

- แมนเชสเตอร์ ซิตี้

    เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือเลือดกระทิงดุ หมายมั่นปั้นมืออย่างมากที่จะพา "เรือใบสีฟ้า" ขึ้นครองบัลลงก์แชมป์ยุโรปสมัยแรก หลังจากที่ผิดหวังในเกมรอบชิงฯ เมื่อซีซั่นก่อน และนี่ก็เป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกันแล้ว ที่พวกเขามาถึงรอบก่อนรองฯ ได้เป็นอย่างน้อย

* ผลงาน ชปล. ซีซั่นนี้ *

    สถิติ : ชนะ 5, เสมอ 1, แพ้ 2, ยิงได้ 23, เสีย 10

    รอบแบ่งกลุ่ม : แชมป์กลุ่ม เอ

    รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 5-0 (5-0, 0-0)

    ดาวซัลโวสูงสุด : ริยาด มาห์เรซ (6 ประตู)

- เรอัล มาดริด 

    "ราชันชุดขาว" ที่มีดีกรีแชมป์ 13 สมัย ชื่อนี้น่ากลัวสำหรับคู่แข่งเสมอ และยิ่งซีซั่นนี้ได้กุนซือยอดฝีมืออย่าง คาร์โล อันเชลอตติ กลับมาคุมทัพอีกครั้ง ทำให้พวกเขาจากที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว กลายเป็นทีมที่ยิ่งเขี้ยวลากดินสุดๆ อย่างที่พวกเขาแสดงให้เห็นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สามารถพลิกสถานการณ์เขี่ย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตกรอบได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ตอนแรกทุกอย่างดูเหมือนเป็นใจให้กับ เปแอสเช ซึ่งก็ต้องซูฮกในความสุดยอดของ คาริม เบนเซม่า ที่กดแฮตทริกภายในระยะเวลาแค่ 17 นาที ในเกมเลกสอง

* ผลงาน ชปล. ซีซั่นนี้ *

    สถิติ : ชนะ 6, เสมอ 0, แพ้ 2, ยิงได้ 17, เสีย 5

    รอบแบ่งกลุ่ม : แชมป์กลุ่ม ดี

    รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 3-2 (0-1, 3-1)

    ดาวซัลโวสูงสุด : คาริม เบนเซม่า (8 ประตู)

- แอตเลติโก มาดริด

    "ตราหมี" ของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มมาแบบกระท่อนกระแท่น แต่กลับสามารถบุกเขี่ย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถึงรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ไม่อาจมองข้ามได้ และคงไม่มีใครอยากเจอด้วย ถึงแม้ไม่ได้มีฟอร์มที่เลิศหรูหรือดุดันเหมือนกับอีกหลายทีมระดับท็อปก็ตาม 

* ผลงาน ชปล. ซีซั่นนี้ *

    สถิติ : ชนะ 3, เสมอ 2, แพ้ 3, ยิงได้ 9, เสีย 9

    รอบแบ่งกลุ่ม : รองแชมป์กลุ่ม บี

    รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 (1-1, 1-0)

    ดาวซัลโวสูงสุด : อ็องตวน กรีซมันน์ (4 ประตู)

- เบนฟิก้า

    ถือว่ามาได้ไกลเกินคาดสำหรับ "เหยี่ยวลิสบอน" เพราะนอกจากผ่านรอบแบ่งกลุ่มที่มีบิ๊กทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และ บาร์เซโลน่า ได้แบบเหนือความคาดหมายแล้ว รอบล่าสุดพวกเขายังสามารถฝ่าด่าของแข็งอย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้แบบเซอร์ไพรส์ด้วย ทำให้ เบนฟิก้า กลายเป็นทีมที่น่าสนใจทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอร์มของ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกตัวเก่ง ที่เวลานี้กำลังเป็นที่ต้องการของหลายสโมสร

* ผลงาน ชปล. ซีซั่นนี้ *

    สถิติ : ชนะ 3, เสมอ 3, แพ้ 2, ยิงได้ 10, เสีย 11

    รอบแบ่งกลุ่ม : รองแชมป์กลุ่ม อี

    รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 3-2 (2-2, 1-0)

    ดาวซัลโวสูงสุด : ดาร์วิน นูนเญซ (4 ประตู)

- เชลซี

    ถึงแม้เวลานี้สโมสรกำลังเจอมรสุมครั้งใหญ่ แต่แชมป์เก่าอย่าง "สิงห์บลูส์" ยังคงไปได้สวยในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก แถมล่าสุดเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว หลังจากที่ผ่าน ลีลล์ ทีมแชมป์ ลีก เอิง มาได้แบบไม่ยากเย็น ด้วยการคว้าชัยชนะทั้งเกมเหย้า-เยือน ซึ่งก็ต้องชื่นชมกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล ที่สามารถพาทีมได้อย่างแข็งแกร่ง

* ผลงาน ชปล. ซีซั่นนี้ *

    สถิติ : ชนะ 6, เสมอ 1 แพ้ 1, ยิงได้ 17, เสีย 5

    รอบแบ่งกลุ่ม : รองแชมป์กลุ่ม เอช

    รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ ลีลล์ 4-1 (2-0, 2-1)

    ดาวซัลโวสูงสุด : ติโม แวร์เนอร์ (3 ประตู)

- บียาร์เรอัล

    "เรือดำน้ำสีเหลือง" ของกุนซือ อูไน เอเมรี่ ผลงานอาจไม่สวยหรูนัก แต่ก็สามารถผ่านเข้ามาถึงรอบก่อนรองฯ ได้อย่างน่าชื่นชม หลังจากที่ระเบิดฟอร์มดุ บุกไปถล่ม ยูเวนตุส ถึงบ้าน 3-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา คว้าตั๋วเข้ารอบเฉย ทั้งที่ตอนแรกหลายฝ่ายมองว่าน่าจะเสร็จ "ม้าลาย" และในเมื่อมาแบบนี้ บียาร์เรอัล จึงกลายเป็นทีมม้ามืดที่น่าจับตามองไม่น้อย   

* ผลงาน ชปล. ซีซั่นนี้ *

    สถิติ : ชนะ 4, เสมอ 2, แพ้ 2, ยิงได้ 16, เสีย 10

    รอบแบ่งกลุ่ม : รองแชมป์กลุ่ม เอฟ

    รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ ยูเวนตุส 4-1 (1-1, 3-0)

    ดาวซัลโวสูงสุด : อาร์เนาต์ ดานยูม่า (5 ประตู)

    สำหรับการจับสลากประกบคู่รอบก่อนรองชนะเลิศ จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคมนี้ เวลา 18.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) โดยเกมเลกแรกจะฟาดแข้งกันในวันที่ 5 และ 6 เมษายน ส่วนเลกสองจะเตะช่วงวันที่ 12 และ 13 เมษายน

   - Subinho -

 

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ บอลออนไลน์